fan Fic บารามอส^-^ ความลับของเฟริน
"นายทำอะไรอยู่" คาโลกระซิบถาม "อย่าเสือกมารู้ทุกเรื่องของฉันนะไอ้น้ำแข็งบ้า" แต่เจ้าตัวดีก็แหวขึ้นเสียงสูง ก็ในเมื่อสิ่งที่อุตส่าห์เก็บงำเตรียมการมาเนิ่นนานใกล้จะถึงเวลาเปิดเผยอยู่แล้ว รออีกหน่อยก็ไม่ได้ โธ่เว้ย!!!!
ผู้เข้าชมรวม
2,588
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
แฟนฟิคของ หัวขโมยแห่งบารามอส
ตอน ความลับของเฟริน
*
**
***
****
*****
******
*******
********
*******
******
*****
****
***
**
*
แบบว่า...ฟิคของเราแปลกๆตรงไหนหรือปล่าหว่า...???
บรรยายเยอะไปหรือสั้นไปหรือปล่าวเนี่ย???
หรืออื่นๆ....
ก็บอกมาตรงๆได้เลยนะจ๊ะ แล้วเราก็จะนำไปปรับปรุงเพื่อคุณภาพของฟิคเรื่องต่อๆไปจ้า....
[[[[[ ___ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และแสดงความคิดเห็นติชมจ้า
THanKs a lot >o<]]]]
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ตึกๆๆๆ................
"พี่เฟรินคร้าบบบบบบบบ แย่แล้วๆๆๆๆ" เสียงรุ่นน้องตื่นตระหนกดังจากข้างหลังเรียกให้สาวสวยคนที่สี่ของป้อมหันขวับไปจุ๊ปาก
"ชี่....อย่าเสียงดังสิไอน้อง เดี๋ยวความลับก็แตกโพละเพละขึ้นมาหรอก" เฟรินเบ้ปากจนรุ่นน้องแอบนึกในใจ ...พี่เฟรินสวยแต่ห่ามจริงๆด้วยแฮะ...
"เกิดอะไรขึ้น?" คาโลเบือนสายตามาสบอย่างเอาเรื่อง เขาต้องเหนื่อยกับการเก็บจัดการเรื่องยุ่งๆที่แฟนสาวก่ออยู่เรื่อย แล้วนี่มันทำอะไรของมันอีก?
"เปล๊า..........ปัญหาขี้มดขี้ปลาอย่าไปสนใจเลยนะ" เจ้าตัวดีลากเสียงยานคาง แต่กลับยิ่งทำให้น่าสงสัยมากขึ้น
"เฟริน"
"ฮื้ออ.....ไม่ต้องมาทำเสียงดุ ไม่มีอะไรก็ไม่มีซี่ คิดมากเดี๋ยวสาวจะไม่มองเอานา" เจ้าตัวดีเลิกคิ้วสูงล้อเลียน แต่มันเป็นอะไรที่เรียกรอยยิ้มยากของคนสำคัญแห่งป้อมได้ดีนัก
"หึ...แค่มีนายมองคนเดียวก็เหนื่อยพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเพิ่มให้ยุ่งยาก" พลันร่างสูงโปร่งก็เดินออกไปทิ้งให้สาวน้อยขึ้นสีหน้าเลือดฝาดก่อนจะกัดฟันกรอด ...แพ้ทางมันทุกที...
"เฮ้...มีอะไรก็ว่ามา มันไม่ได้ยินแล้วล่ะ" เฟรินหันมาสบตารุ่นน้องที่ยืนคอยอยู่นาน โดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าบัดนี้รุ่นน้องได้เก็บข้อมูลประมวลผลเรียบร้อยแล้ว ...พี่คาโลสง่าและฉลาดจริงๆด้วย เอาพี่เฟรินอยู่หมัดเลย...
"เอ่อ...ไอ้นั่นที่พี่บอกให้ผมหาให้น่ะครับ พอดีของมันหมดคงต้องไปหาที่เมืองอื่น หรือไม่แน่อาจต้องข้ามไปหาถึง...เขตเดมอสเลย" รุ่นน้องกระซิบบอก
"ว้า...เรื่องมากจริง งั้นนายไปหาอันอื่น อันนี้ฉันจะสั่งให้ทางโน้นส่งมาแล้วกัน จัดการอย่าให้แพร่งพรายเชียวนะโว้ย ไม่งั้นฉันเอานายตายแน่" รุ่นพี่สาวหรี่ตาลงกำชับทำให้คนฟังได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก อย่างน้อยเขาก็ไม่อยากจะเจอกับผ่าปฐพีอันลือชื่อแน่นอน
"ดี...งั้นไปได้"
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาเปิดเทอมของชั้นเรียนอีกครั้งแล้ว เวลาเนิ่นนานกว่าสี่ปีที่เธอและเหล่าทะโมนของป้อมได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาค่อยๆหล่อหลอมให้หัวขโมยกลายเป็นนักรบใจเพชรจนได้ (ถึงจะไม่สมบูรณ์นักก็เหอะนะ)
เฟรินต้องโดนย้ายห้องออกไปอยู่คนเดียวตามที่เจ้าตัวว่าเป็นการเนรเทศชัดๆเมื่อเพศที่แท้จริงถูกเปิดเผยแล้ว และต้องใช้เวลาร่วมเดือนกว่าจะแยกให้เจ้าตัวยุ่งไม่ย่องกลับไปนอนกับสองหนุ่มจนได้
"คิลแกกว่าคาโลมันชอบอะไรเป็นพิเศษรึป่าววะ"
"ไม่รู้" คำตอบสั้นง่ายได้ใจความยังถูกส่งมาเป็นดังสัญลักษณ์ของนักฆ่าขี้เล่น
"วะ...คิดซักหน่อยไม่ได้รึไงห๊ะ แกเป็นเพื่อนมันนะโว้ย" เฟรินชักสีหน้าจริงจัง
"จะไปรู้เรอะ ขนาดแฟนอย่างแกยังไม่รู้เลย นับประสาอะไรกับเพื่อนอย่างฉัน หือ..." นัยน์ตาดำประกายระริกและเน้นชัดเจนกับสองคำที่เร่งให้เลือดสูบฉีดทั่วดวงหน้าเพื่อนสาว ...มันเป็นผู้หญิงก็ตรงนี้แหละนะ
"ฮึ...อย่างแกไม่มีสิทธิ์แม้แต่มาแซวฉันนะเว้ย ไอ้ไก่อ่อนเอ๊ย" น้ำคำสบประมาทเรียกรอยมุ่นบนใบหน้าคิลได้ชะงัด
"ทำไม"
"เก๊าะ...เรื่องแกกับแม่เรนอนคนงามยังไม่เห็นกระเตื้องซักแอะ ชิชะ...แล้วอย่างนี้แกจะแก้ตัวว่าอะไร หือ...." ท่าทางที่เจ้าคนรู้โลกกว้างเยาะเย้ยเรียกให้นักฆ่ายิ้มเย็นก่อนจะโถมเข้าตะลุมบอลโดยไม่ทันให้เฟรินตั้งตัว
"เฮ้ย...จะเอาเรอะ" แล้วมวยย่อยๆระหว่างนักฆ่าและเจ้าหญิงฝึกหัดก็เกิดขึ้นโดยที่เฟรินก็ยังหาคำตอบที่ต้องการไม่ได้
แสงจันทร์นวลสาดส่องแสงทองลอดม่านหน้าต่างมาอย่างสวยงาม แต่มีหนึ่งชีวิตในห้องเดี่ยวหรูหราที่ไม่ได้สนใจความวิจิตรแห่งธรรมชาติตรงหน้าแม่แต่น้อย ร่างบางยืนชิดขอบหน้าต่างปล่อยใจลอยเก็บตัวเองกับเรื่องที่ยังขบคิดไม่ได้ซักที
........ปัญหาโลกแตก เอเดนแตก แม้แต่เดมอสก็ต้องแตก!
อีกไม่นานจะวันเกิดคาโล แต่เจ้าตัวยังคิดไม่ออกว่าจะให้อะไรหรือพูดให้ถูกก็คือ ไม่รู้ว่าเจ้าชายคนสำคัญชอบอะไรเป็นพิเศษกันแน่นั่นเอง
"โว้ยยยย...แล้วที่คิดๆไว้จะถูกใจมันรึป่าววะเนี่ย" ก็ในเมื่อความคิดของหัวขโมยมันห่วยจริงๆ เธอได้สั่งรุ่นน้องกับคนรู้จักหาของที่แฟนหนุ่มน่าจะชอบไว้บ้างแล้วล้วนเป็นของหายากทั้งสิ้น ...ทั้งเตาถ่านทองคำเอย(ไว้หลอมน้ำแข็งให้มัน) ทั้งขนจุ๊กกูแร้มังกรราตรีเอย หรือแม้แต่ขี้เล็บของเอลฟ์แดงที่ต้องข้ามไปเอาถึงเดมอสอีก ...คงถูกใจมันซักอย่างแหละน่า...
ร่างบางผ่อนลมหายใจพลันความคิดหนึ่งก็ผุดวูบ
"เอ๊ะ! แล้วถ้าให้ตัวเราเองล่ะ มันจะเอามั้ยนะ?" เฟรินนึกถึงภาพที่ต้องใส่ชุดปุกปุยฟูฟ่องดั่งเจ้าหญิงแล้วผูกโบว์ตัวเองยกให้แฟนหนุ่ม
"แล้วต้องพูดยังไงนะ...เอ...สุขสันต์วันเกิดนะคาโล ฉันมีของขวัญที่จะให้ด้วย ก็คือตัวฉันเอง...เอ่อ...ที่รัก" พลันใบหน้างามก็ขึ้นสีแดงพรึ่บเมื่อภาพในจิตนาการมันฉายชัดซะจนน่าอายมากกว่าโรแมนติก แค่คิดก็หนาวแล้ว...
"แล้วถ้ามันไม่เอาล่ะ" เฟรินชักสีหน้าทะแม่งเมื่อคิดถึงวินาทีที่ถูกปฏิเสธ ...ขายหน้ามันตายชัก
แล้วร่างบางก็ถอยจากหน้าต่างอย่างจมในความคิดก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม แต่เตียงที่เคยนุ่มมันกลับไม่นุ่มนี่สิ
"เฮ้ย! แกมาได้ไง?" ดวงหน้างามงอง้ำเมื่อรู้ตัวว่ามีอีกชีวิตที่จับจองนอนอยู่บนเตียงอยู่ก่อนแล้ว และที่อาจหาญทำอย่างนี้ไม่น่าจะเกินสองตัวที่อยู่ห้องหัวหน้าชั้นปีเป็นแน่
"เข้ามานานแล้วแต่เห็นนายยืนบ่นอะไรคนเดียวเลยไม่ได้เรียก" เสียงทุ้มที่คุ้นเคยบอกก่อนจะส่งมือใหญ่มาลูบไล้แก้มนวลอย่างถือสิทธิ์
...เนิ่นนานเท่าไหร่แล้ว ที่ไม่ได้อยู่ตามลำพังในบรรยากาศอย่างนี้...
"แล้วแกได้ยินที่ฉันพูดมั้ย?" เจ้าตัวทำพิรุธจนคาโลเบือนสายตามาสบ พยายามชักหน้ากากฟาโรห์หกสิบชั้นมาใช้แต่ก็ดูไร้ผลเมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่มีอิทธิพลต่อใจอย่างเจ้าชายน้ำแข็งนี่
"พูด...นายพูดอะไรหือ?"
"ปะ...ปล่าว ไม่ได้ยินก็แล้วไปสิ" เฟรินโล่งอกที่อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องขายหน้าในเวลานี้
เฟรินยันตัวลุกนั่ง คาโลจึงลุกนั่งตามแถมไม่ว่าปล่าวยังแสดงแรงแห่งบุรุษเพศโดยการยกร่างบางไปซ้อนบนตักกว้างทั้งๆที่เจ้าตัวดิ้นฮัดฮัด
"แกทำบ้าอะไรห๊า? ปล่อยฉันนะโว้ย"
"เฟริน"
ดวงหน้ารูปสลักโน้มมาใกล้ใบหน้างามจนฤทธิ์ลมหายใจอุ่นที่ระต้นคอขาวส่งผลให้เฟรินค่อยสงบลง ก็ตรงนี้นี่แหละที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปจากแม่ยอดตัวยุ่งคนนี้ได้...น่ารัก
"ฉันคิดถึงนาย"
"ห๊ะ" คำพูดลุ่นๆถูกส่งมาทำให้เฟรินสะดุ้งเฮือก ก่อนจะค่อยๆแกะแขนแข็งแรงออก
"เหอะ...จะมาคิดถึงฉันทำไมหา ในเมื่อแกก็มีราชินีแห่งปราสาทขุนนางคอยอ่อยอยู่เรื่อยไม่ใช่รึไง"
"เฟริน" เสียงดุเย็นดังอีกครั้ง
"ฮื้อ...ไม่ต้องมาทำดุ ก็มันจริงนี่นา เห็นวันๆแกเอาแต่ประชุมๆๆๆหัวหน้าป้อม ไม่ก็ประชุมๆๆๆกับพวกหัวหน้าป้อมอื่นอย่างยัยราชินีนั่นไง"
"นายหึง?" คาโลกระตุกยิ้ม ซวย! หัวขโมยเผยไต๋เป็นอะไรที่ขายหน้าตระกูลชัดๆ ดันเผลอบ่นจนมันรู้ความคิดซะหมด
"ใคร้...ใครจะไปหึง อย่างฉันน่ะอยู่ว่างๆก็มีหนุ่มๆมาตามจีบเยอะแยะไป ไม่มีเวลาไปคิดถึงคนอย่างแกหรอก" เจ้าตัวดียังพ่นโม้ไปเรื่อยๆโดยไม่รู้สึกถึงไอเย็นที่ค่อยๆก่อขึ้นรอบข้างแล้ว
"ยังเหลืออีกเหรอ...คิดว่าฉันจัดการไปหมดแล้วซะอีก" คาโลพูดคำที่ทำให้เฟรินสะดุ้งเฮือก จัดการไปแล้ว...??? ถึงว่า...ไอ้พวกที่ชอบเอาดอกไม้มาให้พากันหายตัวลึกลับไปไม่เหลือซักคน เพราะไอ้น้ำแข็งงี่เง่านี่เองเรอะ?
"คาโลฉันง่วง" เฟรินจึงตัดปัญหาด้วยการนอน
"ก็นอนสิ" มันไม่ว่าปล่าวแถมลุกขึ้นอุ้มตัวเธอวางบนเตียงก่อนจะขึ้นนอนเคียงข้างอย่างถือวิสาสะ
"ทำไมแกมานอนตรงนี้หา...??"
"นายจะได้ชิน..." คำตอบสองแง่สองง่ามถูกส่งมา
"ชินบ้าอะไรห๊า กลับห้องไปเลยไอ้น้ำแข็ง" เจ้าตัวลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง
หมับ!!!
แต่แขนเรียวสองข้างก็ถูกตรึงให้แข็งค้างด้วยริมฝีปากบางที่พรมจุมพิต คาโลไล่ไออุ่นไปทั่วจนในที่สุดก็ถอนปากบางขึ้นมาสบตานิ่ง
"แก..." เฟรินกัดฟันกรอดนึกประณามตัวเองที่ไม่มีแรงแม้จะต่อต้านคนตรงหน้า
"ง่วงก็นอนซะ หรือถ้าไม่อยากนอนล่ะก็....." คาโลพูดทำให้แฟนสาวมุ่นคิ้ว
"ถ้าไม่อยากนอนจะทำไมห๊ะ" ร่างบางรู้สึกถึงรังสีอันตรายเมื่อรูปสลักกระตุกยิ้มยาก
"ก็ถ้าไม่นอน...เราสองคนคงมีกิจกรรมต้องทำซักหน่อย" เท่านั้นเอง แม่สาวห่ามประจำป้อมก็ต้องรีบหันไปห่มผ้าและข่มตาหลับอย่างโดยดีโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายกล่อมให้เสียแรง
"นอนก็นอนโว้ย!!!"
========================================================
อีกหลายวันต่อมาเจ้าหญิงตัวยุ่งของป้อมยังคงวุ่นวายอยู่กับการคัดสรรของขวัญที่คาดว่าจะถูกใจน้ำแข็งคนสำคัญอยู่ทั้งวัน ทำให้ทุกคนลงความเห็นว่าเธอแปลกๆไปดูมีพิรุธเหมือนมีความลับอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่มีใครอธิบายได้แม้แต่หนุ่มนักฆ่าคนสนิทที่เอาแต่ยิ้มกับพฤติกรรมเพื่อนสาว
จนกระทั่งถึงเช้าวันเกิดเจ้าชายคาโล วาเนบลี องค์รัชทายาทคนสำคัญแห่งคาโนวาล แต่กลับไม่มีผู้ใดมีปฏิกิริยาอะไรหรือแม้แต่จะเอ่ยถึงวันเกิดของคาโล
....ทำไมคนในประเทศของมันไม่เห็นพูดหรือทำอะไรบ้างเลย มันเป็นถึงลูกคิงเชียวนะ...
เฟรินที่รอฤกษ์ดีนั่งสังเกตอาการชาวป้อมห่างๆ ท่าทางลุกลี้ลุกลน
....หรือว่าต้องรอให้มันเป็นคิงจริงๆซะก่อนมันถึงจะดังหว่า??....
....ตัวมันก็ไม่เห็นมีทีท่าแปลกๆอะไรเลย หือว่ามันลืมวันเกิดตัวเอง ...
เหอะ ก็สมควรแล้วล่ะนะ เห็นเอาแต่ประชุมๆ คนอย่างมันถึงจะเลิศแค่ไหนก็ต้องมีเบลอๆบ้างแหละว้า...
"เฟริน...แกเป็นอะไรรึป่าว เห็นนั่งงึมงำอะไรตั้งแต่เมื่อกี๊แล้ว?" คำถามจากเพื่อนสนิทเรียกให้เฟรินหันไปยิ้มแห้งๆ
"แกว่าวันนี้มันเป็นวันอะไรวะ?" หัวขโมยถามนักฆ่าหนุ่มทำให้คิลแปลกใจ
"วันอะไร...วันศุกร์ไง แกเบลอจนลืมวันเดือนปีเชียวเหรอวะ"
"จะบ้าเรอะ! ฉันหมายความว่าวันนี้มีความพิเศษอะไรป่าวน่ะ..." เฟรินย้ำทำให้คิลหรี่ตาลงวิเคราะห์
"วันพิเศษ วันอะไรของแกวะ"
"เหอะน่า...แกลองนึกๆๆๆดูดีๆนะเว้ย ฉันว่าต้องมีบ้างสิน่า" เฟรินหน้ามุ่นรอคำตอบ
"อ๋อ!..."
"วันศุกร์ เก๊าะเป็นวันก่อนวันหยุดไง เป็นวันที่เราจะได้นอนเต็มที่" คิลเฉลยทำให้เฟรินแทบหน้าคว่ำ เธอคงคิดผิดเองที่ไปถามหาสาระกับเพื่อนคนนี้
"ถุย...ฉันผิดเองที่ไปถามแก"
"เฮ้..เดี๋ยว เฟรินแกจะไปไหนน่ะ" คิลเรียกเฟรินที่ลุกเดินออกไป
"ไปขี้"
ตกลงแม้แต่คิลก็ยังไม่เห็นจะจำได้ซักที นี่มันอะไรกันเนี่ย??
....หรือว่าเธอจะจำผิด!!
วันนี้ทั้งวันก็ผ่านไปอย่างปกติ แต่เธอยังไม่เจอไอ้น้ำแข็งมันเลย เห็นแองจี้บอกว่าไปประชุมตั้งแต่เช้าโน่น และก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเลิกเมื่อไหร่
ตกค่ำของวันเฟรินนั่งจัดของขวัญกองใหญ่ภายในห้องโดยสั่งห้ามเข้าเด็ดขาดไม่ว่าใคร
"เฮอะ ค่ำแล้วมันก็ยังประชุมไม่เสร็จ ตกลงวันนี้เราจำผิดไปเองใช่มั้ยเนี่ย?"
เธอนั่งมองดวงจันทร์ที่เหมือนมันจะยิ้มให้เธอ อาการเหงาเพราะไม่เจอหน้าคมสลักนั่นมันเป็นอย่างนี้เองเรอะ...
จริงอยู่ที่อยู่ใกล้มันทีไรเธออยากให้มันออกไปไกลๆทุกทีเพราะความเขิน...แต่มันจะรู้หรือป่าวล่ะว่าเธอไม่เคยนึกรังเกียจมันซักที
"ถ้ามันจะเบื่อเราบ้างก็ไม่แปลกหรอกนะ...มันงี่เง่าเองนี่ที่ชอบทำให้เราอึดอัด"
แต่ถ้าคิดดีๆแล้วเธอเองก็ไม่เคยทำตัวสมเป็นแฟนสาวของเจ้าชายคนสำคัญ หรือทำอะไรให้คาโลดีใจซักครั้ง
คิดสะระตะอยู่นานจนจวนจะข้ามคืนทนก็เริ่มง่วง เฟรินจึงลุกพรวดก่อนจะเปิดประตูตรงไปที่ห้องประชุม...ยังไงก็ต้องไปหามันให้รู้เรื่อง
"ฮึ่ย...ยอมให้แกคืนเดียวเท่านั้นนะเว้ย"
แสงคบเพลิงสลัวประดับทางเดินส่องนำให้หัวขโมยสาวไปถึงห้องประชุมโดยไม่ไกลจากห้องนอนมากนัก ภายในห้องเงียบสงัดไร้เสียงใดลอดออกมา
...มันไม่ประชุมกันแล้วเหรอวะเนี่ย หรือว่าประชุมจนหลับคาโต๊ะหมดทุกคนเลย
แต่เฟรินก็สะดุดตากับแสงไฟอ่อนๆ ลอดช่องประตูที่แง้มออกมาเล็กน้อย
ฮึ...ป้อมอัศวินนี่หละหลวมไม่รอบคอบตั้งแต่เมื่อไหร่กัน นี่ถ้าคนนอกย่องมาฟังการประชุมลับคงได้รู้รายละเอียดกันไปทั่วบ้านเมือง
ร่างบางก้าวฉับไปจับประตูแล้วชำเลืองดูภายในห้องประชุมแห่งป้อมชาวนักรบ ปรากฏว่าโต๊ะประชุมว่างปล่าวไม่มีมาทิลด้ากับกองเอกสารวุ่นวาย ไม่มีหัวหน้าหออื่นนั่งประชุมเคร่งเรียด แต่กลับเหลือเพียงสองชีวิตที่ยืนคู่กันท่ามกลางแสงดวงไฟที่ลอยบนอากาศ
...คนหนึ่งคือคนที่คิดว่าจะไม่มีวันยอมให้อะไรมาทำให้พรากจากกัน ไอ้น้ำแข็งงี่เง่าเย็นชาแต่อบอุ่น
และอีกคนหนึ่ง ศัตรูหัวใจที่มักจะโผล่มาเรื่อยๆ ราชินีแห่งปราสาทขุนนาง!!! เจ้าหญิงของเอเธนส์!!!
...มันทำอะไรกันน่ะ? หรือประชุมภาคต่อ....
เฟรินสายหน้าน้อยๆเป็นไปไม่ได้ก็ในเมื่อภาพเบื้องหน้าก็ฟ้องทนโท่ว่าไม่จริง
เธอขยับไปใกล้อย่างเงียบเชียบและเงี่ยหูฟังบทสนทนา
"ฉันว่าคืนนี้บรรยากาศช่างเป็นใจแก่เราสองคนนะ" ราชินีพูดพลางก้าวไปยืนประชิดร่างคนตัวโต มือเรียวถือกล่องเล็กๆพลางยื่นไปตรงหน้ารูปสลักที่เรียบเฉย
"คาดว่าเธอคงมัวแต่ทำงานหนักจนอาจลืมไปว่าวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง ฉันเลยอยากมอบของเล็กๆน้อยๆให้แก่เธอ สุขสันต์วันเกิดแด่เจ้าชายคาโล วาเนบลี"
...น่านไง! เธอไม่ได้เข้าใจผิดจริงๆด้วย ร่างบางที่แอบฟังใจชื้นขึ้นเล็กน้อย
เจ้าชายน้ำแข็งเหยียดยิ้มเย็น แต่ก็ทำให้หัวใจราชินีสาวร้อนรุ่มได้ชะงัด เมื่ออยู่ต่อหน้าคมคายเช่นนี้ราชินีผู้เย่อหยิ่งกลับกลายเป็นแค่เด็กสาวไร้เดียงสา ช่างร้ายกาจ...
"ขอบคุณที่ใส่ใจ แต่คาโนวาลไม่ได้อับจนถึงต้องรับของกำนัลจากเอเธนส์" คำตอบรับของคาโลเรียกใบหน้างามให้บูดขึ้งกอ่นจะกลบด้วยด้วยยิ้มหวาน
"ไม่เสียแรงที่ฉันสนใจ เจ้าชายนักรบผู้เด็ดขาด แต่ขอแค่คืนนี้... คืนนี้จะไม่มีศักดิ์ศรีหรือเรื่องบ้านเมืองมาเกี่ยวข้อง มีแต่เพียงหัวใจของฉันที่อยากสนองให้เธอ" ร่างบางพูดพลางยื่นมือเรียวมาไล้แก้มขาวคนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน เรียกให้คนแอบดูข่มเขี้ยวระคนหมั่นไส้
"คืนนี้ดึกแล้ว คงต้องขอตัวกลับห้อง" คาโลพูดแล้วหันกลับแต่ต้องยืนค้างนิ่งเพราะถูกโอบตรึงแผ่นหลังด้วยแขนขาวเรียวจากเจ้าหญิงเอฟีน่า
"ทำไมถึงไม่สนใจอะไรบ้าง ทั้งๆที่มีแฟนไม่ได้เรื่องออกอย่างนั้น เวลานี้เด็กนั่นคงนอนสบายไม่ได้รู้ถึงวันเกิดเธอด้วยซ้ำ"
หนอย แต๊ะอั๋งของๆคนอื่น....แถมนินทาอีกตะหาก!
"ขอเวลาสักเดี๋ยวได้มั้ย? ยังไงคืนนี้ก็เป็นคืนพิเศษ" แล้วดวงตากลมโตก็เบิกโพลงเมื่อมือใหญ่แห่งเจ้าชายได้รวบตวัดมือเล็กสองข้างดั่งถูกจองจำ ใบหน้ารูปสลักกระตุกยิ้มบางเรียกสีหน้าร้อนผ่าวขวยเขินจากเอฟีน่า
ภาพเบื้องหน้ายังถูกฉายอย่างชัดเจนและต่อเนื่องไปให้หัวขโมยที่กำหมัดจนมือแทบมือช้ำ
...คาโล แกนิยมอย่างนี้เองเรอะ! ทั้งๆที่แกเคยยิ้มให้ฉันคนเดียวเท่านั้นนี่...
พลันร่างบางก็หันขวับเพื่อตรงไปห้องพร้อมกับความรู้สึดอัดอั้นแทบจะระเบิด น้ำตาอุ่นพาลไหลอาบแก้มสองข้างไม่ขาดสาย
"โว้ยย! ร้องทำไมวะ ทำตัวไม่ดีเองนี่ ก็สมควรแล้วที่มันจะเบื่อ"
...ใช่ สมควรแล้ว!
ความห่างเหินเนื่องจากงานรัดตัวจนแทบไม่ได้เจอหน้ากัน ก็ไม่แปลกหรอกที่มันจะลืมจนไปสนิทกับคนอื่นๆได้
เฟรินกระแทกส้นปึงจนห้องห้องแต่แทนที่จะเปิดประตูตรงไปกลับเลี้ยวและบึ่งไปยังจุดหมายอื่น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
เสียงเคาะยามราตรีปลุกให้คนหนึ่งตื่นขึ้นจากการหลับไหล ดวงตาสีเขียวปรือขึ้น
"เที่ยงคืน..." เขามุ่นคิ้วและค่อยๆเดินไปที่ประตู หวังว่าคนปลุกคงมีเหตุผลเพียงพอที่เขาจะไม่โมโห
ตึงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วเสียงเคาะก็กลายเป็นเสียงทุบจนเขาต้องก้าวฉับไปเปิดประตูเร็วขึ้น
"มีอะไร..." แล้วนัยน์ตาเขียวมรกตแห่งทริสทอร์ก็แปรประกายไหววูบเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า หญิงสาวร่างบางในชุดนอนแพรบางที่เจ้าตัวปฏิเสธเพราะไม่ชอบมันยืนจ้องหน้าเขาเขม็งทั้งที่ดวงตาสวยเต็มไปด้วยหยาดน้ำใส
"เฟริน...นาย"
พลันร่างบางก็โถมกอดคนตรงหน้าสร้างความตื่นตระหนกแก่ขอทานประจำป้อม
"เอ่อ...ฉันว่าไปคุยที่ห้องนายดีกว่า"
แล้วโรจึงอุ้มร่างที่หลับตาปี๋ไปนั่งบนเตียงห้องเดี่ยวของเจ้าหญิงแห่งเดมอส มันนึกอะไรของมัน...ทำอย่างนี้ถ้าคาโลเห็นเข้าไม่ขอทานก็เจ้าชายที่ได้ตายกันไปข้าง
เขานั่งรอจนคนที่สะอื้นหายสนิทจึงค่อยๆถาม
"เฟริน...นายเป็นอะไรไป ทำไมอยู่ดีๆก็..." เสียงทุ้มเจือความห่วงใยถูกส่งมาทำให้เจ้าตัวดียิ้มเผล่ตอบรับ
"โร..."
"หืม..."
"ฉันหิว แกมีอะไรติดตัวมาบ้างมั้ย?"
คำถามลุ่นๆจากเพื่อนตัวดีทำให้เขาอึ้ง
...วินาทีนี้ยังจะเห็นแก่กิน แล้วหยิบคุกกี้ในกระเป๋าที่ติดอยู่ในเสื้อคลุมส่งให้ เขาหันสำรวจห้องก็พบว่ามันเละเกินคาดและโดยไม่ต้องสงสัย มันเป็นฝีมือเจ้าหญิงคนนี้แน่นอน
"เกิดอะไรขึ้น?" โรสบตาสีน้ำตาลนิ่งรอคำตอบ
"ปล๊าว... แอ๊คซิเดนท์นิดหน่อย" แต่เฟรินยังไม่ยอมบอก
"ตามใจ อยากเล่าเมื่อไหร่ก็ไปปลุกอีกละกัน" ว่าแล้วขอทานก็เดินออกจากห้องแต่ต้องชะงักยืนตัวแข็งทื่อเพราะเสียงหวานของเพื่อนสาวที่ดังจากข้างหลัง
"โร.......แกช่วยอยู่เป็นเพื่อนหน่อยสิ ฉันเหงา"
ร่างสูงชะงักค้างชั่วขณะนับ 1-10 ในใจเบาๆ ...เจ้าหญิงของเขาจะมาไม้ไหนกันนะ?
"นะ...โร"
ขอเหอะอย่าอ้อนอีกเลย แค่นี้เขาก็ทำตัวไม่ถูกแล้ว - -* แล้วเขาก็ค่อยๆ ขยับใบหน้าเพื่อเหลียวไปมองว่าเจ้าตัวดีอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่ แต่ก็เห็นเพียงสายตาอ้อนสีน้ำตาลนั้นเพียรจะสบตาเขาเหมือนจะตั้งใจดูดกลืนไปเป็นทาส
"คะ แค่แป๊ปเดียวนะ" อยากจะกัดลิ้นตายเมื่อเห็นตัวดีทำท่าถูกใจ ว่าแล้วบานประตูใบใหญ่ก็ถูกปิดลงอีกครั้งพร้อมกับภาพปิดตายหัวใจของคนที่เห็นอยู่ข้างนอก...
...น้ำแข็งที่เจ้าตัวยุ่งชอบล้อเริ่มหลอมอย่างรวดเร็วดั่งการระเหิดจนเขาของยังต้องแปลกใจ
"ตกลงมีเรื่องอะไรใช่มั้ย?" ขอทานเจ้าของนัยน์ตาสีมรกตมองหน้าหญิงสาวอย่างห่วงใย
"เฮ้อออ แก่นี่เซ้าซี้เหมือนคนแก่ไปได้ ไม่มีก็ไม่มีสิวะ... ว่าแต่แกดูเครียดๆ อยู่นะ" เขาต้องรีบจับมือเรียวออกเมื่อมันกำลังจะสัมผัสใบหน้าของเขาเอง และดูเหมือนคนตรงหน้าจะเข้าใจผิดอีกแล้ว
"ฉันไม่ได้รังเกียจ อย่าเพิ่งโวยวาย" จริงตามคาดที่ตัวที่พองๆ เริ่มยุบลงตามอุณหภูมิอารมณ์
"แล้วแกทำไมทำท่าอย่างงั้นล่ะ" หัวขโมยผู้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความรู้สึกของบุรุษเพศขมวดคิ้วมุ่น
"เรื่องของขอทาน" จำต้องตอบไปแบบนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการอธิบายเรื่องที่แม้แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจ จนคนตรงหน้าพยักหน้าแล้วยิ้มเผล่อีกครั้ง ดีตรงนี้ที่เฟรินไม่ใช่คนเซ้าซี้....- -
ทั้งคู่นั่งเงียบอยู่นานจนเจ้าของห้องเอ่ยเสียงหวานก่อน
"โร..."
เขาไม่ตอบเพียงแต่หันไปฟังเท่านั้น
"แกว่าฉันไม่น่ารักงั้นเหรอ"
คำถามแค่ประโยคเดียวพร้อมกับสายตานั่นทำให้เขาต้องนับหนึ่งถึงสิบเป็นร้อยครั้งเพื่อยับยั้งใจตัวเอง...
.....ไม่น่ารัก!!! อะไรมันทำให้เธอคิดได้อย่างนี้นะ? หากเจ้าหญิงของเขาไม่น่ารักแล้ว ในเอเดนและเดมอสใครจะได้ชื่อว่าน่ารักล่ะ?? >>> ไม่ค่อยลำเอียงเลยนะโร - -*
"ว่าไงโร...อย่าเงียบไปสิวะ" ก็...แค่ติดเรื่องคำพูดอยู่นิดหน่อยอ่านะ
"อืม...ก็ไม่เชิง"
"ก็ไม่เชิง?? มันหมายความว่าอะไรเล่า? แกอย่าเพิ่งมาอมภูมิตอนนี้ได้มั้ยหา?"
เจ้าหญิงเริ่มขมวดคิ้วหนักตามนิสัยเมื่อโดนโยกโย้แต่เธอก็ยังต้องการคำตอบจากโรอยู่
"แล้วใครที่ว่านายไม่น่ารักล่ะ?" เขาถามย้อนไปทำให้ดวงหน้านั้นคิดหนัก
"เหอะน่า... ฉันก็คิดของฉันได้น่ะซี่ ถ้าน่ารักก็ต้องเป็นแบบเรนอนคนงาม ไม่ก็แองจี้สุดห้าว แต่ควีนอเมซอนคงไม่ใช่อ่านะ เพราะฉะนั้นฉันก็เลยไม่อยู่ในขอบเขตคำว่าน่ารักน่ะสิ"
น่าปวดหัวกับทฤษฏีที่แม่ตัวยุ่งคิดเองเออเอง แต่ก็เข้ากับตัวเธอดี
"หรือว่าแกคิดว่าฉันน่ารักวะ?" ประโยคนี้ทำให้ขอทานใจเย็นอย่างเขาต้องหันหน้าหนีเพื่อซ่อนความผิดปกติบนใบหน้า
บ้าเอ๊ย!! ถามอะไรไม่คิด
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
เฮือกกกก o[]O!!
ขออภัยอย่างแรงเจ้าค่ะที่อัพช้ามากมาย
แต่ว่าในที่สุดก็ได้มาลงให้ซะทีนะจ๊ะ
ต่อเลยจ้า ^^
<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
“หือ...ว่าไงโร”
เจ้าตัวดีจ้องนัยน์ตาน้ำตาลแป๋วมาสบขอทานหนุ่ม ไม่รู้เพราะฤทธิ์เสียงหวานขี้อ้อนหรือเพราะสายเลือดทริสทอร์ทำให้จังหวะใจเขาเต้นรัวขนาดนี้
...แต่จุดนี้เขาต้องเลือกระหว่างความถูกต้องกับสัญชาติญาณบุรุษเพศ!!
“นายทำให้ฉันสับสนอยู่เรื่อย”
เขากระตุกยิ้มผิดจากฐานะข้ารับใช้แห่งสายเลือดเป็นครั้งแรกทำให้คนตรงหน้าอดสงสัยไม่ได้
....เขาเคยเป็นห้องสมุดเคลื่อนที่สำหรับเธอ
....เคยเป็นสารานุกรมให้ตลอดมา
แต่ครั้งนี้...เขาอยากให้รู้ว่าเขามีปัญญาเป็นมากกว่านั้น สามารถเป็นให้เธอได้ทุกอย่างเพียงเธอใช้วาจาสั่งมา
ไม่ใช่ในฐานะทาสแห่งทริสทอร์แต่ในฐานะคู่ชีวิต...องค์หญิงเฟลิโอน่า
“โร...”
“ฉัน...ง่วงแล้ว”
ว่าแล้วร่างสูงโปร่งก็ลุกขึ้นแล้วหันหลังกลับพร้อมกับใจที่ต้องหักห้ามอย่างหนัก
เขาเลือกความถูกต้องเพียงเพราะเขาใส่ใจความรู้สึกของเพื่อนสาว
เธอรักเจ้าชายน้ำแข็งนั่น...
และเขาจะไม่ฉวยโอกาสตอนที่เธอหวั่นไหวทำคะแนนเด็ดขาด ให้ได้รู้ว่าศักดิ์ศรีขอทานเทียบค่าไม่ด้อยไปกว่าเจ้าชายแม้แต่น้อย
“แต่แกยังไม่ตอบฉันเลยนะว้อย ทิ้งค้างๆ คาๆ ฉันงงนะเนี่ย”
มือเรียวที่ยื้อชายเสื้อเพื่อนขอทานไว้ต้องถูกกุมแล้วปัดออกอย่างแผ่วเบาจากคนจะไป แต่ไม่นานร่างสูงก็หยุดกึกแล้วค่อยๆ หันมาด้วยแววตาที่หัวขโมยกร้านโลกอย่างเธอไม่เข้าใจ
“นายไม่น่ารักสักนิด”
“อะไรนะ!!”
เจ้าของห้องเบิกตาโพลงกับคำที่ได้ยิน ความไม่พอใจแล่นเป็นริ้วๆ เมื่ออยู่ดีๆ เพื่อนรักพูดไม่เข้าหู
“อย่างที่ได้ยินนั่นแหละ... หากใครได้เป็นคู่คงวุ่นวายไปตลอดชีวิต”
มันเป็นประโยคที่เฟรินไม่ค่อยแน่ใจว่าหมายความว่าอะไร ....แต่ที่รู้ๆ เธอกำลังโดนสบประมาทอย่างแรง
“อะไรวะ ไม่เห็นต้องว่ากันขนาดนี้เลยนี่ ง่วงก็กลับไปนอนซะไอ้บ้า”
เธอสะบัดหน้าอย่างหัวเสียและเดินลงส้นไปที่เตียง
ปัง!!!
เสียงประตูปิดดังขึ้นมาพร้อมกับการไร้ร่องรอยของคนที่เคยยืน จากน้ำแข็งบ้าที่เธอไม่พอใจ
กลายเป็นห้องสมุดที่เริ่มคิดหือกับเธอ
...เป็นบ้าอะไรกันไปหมด
ร่างสูงโปร่งเดินกลับเข้าห้องอย่างหนักแน่น...
เขาทำถูกแล้ว หากเธอจะรักเขาต้องไม่ใช่ที่ว่างที่เหลือจากเจ้าชายนั่น แต่ต้องเป็นทั้งหัวใจ และด้วยความเต็มใจเท่านั้น...
หากเธอไปอยู่กับใครคงวุ่นวายไปตลอดชีวิต...
นั่นเป็นคำที่เขาพูดก่อนจะก้าวออกจากห้อง คิดแล้วอดขำคำพูดตัวเองไม่ได้
แต่เขารู้ดี... ว่าคนที่เต็มใจจะวุ่นวายไม่ได้มีเพียงปริ๊นคาโลเท่านั้น
หากความวุ่นวายนั้นมาจากเจ้าหญิงสองแผ่นดิน...กระนั้น แผ่นดินทริสทอร์ก็น้อมรับสิทธิ์จัดการดัดขาเจ้าหญิงด้วยความเป็นเกียรติอย่างสูง
พลันปากเรียวก็กระตุกยิ้มแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจสลัดความคิดเพื่อจมสู่นิทราต่อไป
วันนี้เขายอมที่จะถอยออกมา
แต่ถ้านายปล่อยเธอไป... จำไว้ ปริ๊นคาโล วาเนบลี... เมื่อนั้นคาโนวาลอาจได้เห็นฤทธิ์แห่งทริสทอร์
แสงจันทร์นวลที่เคยสวยกลับไม่ต้องตาต้องใจอย่างเคยเมื่ออยู่ในอารมณ์เช่นนี้
เวลาเลยเที่ยงคืนมาก็นานแล้วแต่ภาพในห้องประชุมยังติดตาติดใจไม่หาย
อยากไปอาละวาดถึงห้องหัวหน้าป้อมแต่เดี๋ยวมันจะเข้าใจผิดว่าหึง
ใช่!! เธอไม่ได้หึง... ก็แค่ไม่ชอบใจที่พวกมันทำตัวประเจิดประเจ้อเท่านั้นเอง
ผลงานอื่นๆ ของ จอมเทพปากกาหัก!! ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ จอมเทพปากกาหัก!!
ความคิดเห็น